โครงการประกวดโครงงานวิชาชีพ (Project) ตามหลักสูตร
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖
ตามเป้าหมายที่ ๒ กิจกรรมพัฒนาสมาชิกให้เป็น "คนเก่งและมีความสุข"
ระหว่างวันที่ ๒๗ สิงหาคม ถึงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๖
ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีวานิชบริหารธุรกิจ
โครงการประกวดโครงงานวิชาชีพ (Project) ตามหลักสูตร
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๖
ตามเป้าหมายที่ ๒ กิจกรรมพัฒนาสมาชิกให้เป็น "คนเก่งและมีความสุข"
ระหว่างวันที่ ๒๗ สิงหาคม ถึงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๖
ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีวานิชบริหารธุรกิจ
ด้วยวิทยาลัยเทคโนโลยีวานิชบริหารธุรกิจ มีแผนดำเนินงานกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์รุ่นพี่-รุ่นน้อง ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา สามารถอยู่ร่วมกันภายใต้อิทธิพลของกลุ่มให้แสดงศักยภาพของแต่ละบุคคลออกมาในทิศทางเดียวกัน และได้รับความสนุกสนานความสามัคคี สามารถทำงานร่วมกันได้ รู้จักคิด พูด และรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น พร้อมทั้งเสริมสร้างภาวะผู้นำ รวมถึงสามารถบริหารจัดการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่ารู้จักการประหยัด และพอเพียง ในการดำเนินงาน ขณะเดียวกันก็สามารถปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมรวมทั้งเจตคติและลักษณะที่พึงประสงค์อีกด้วย
กิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์รุ่นพี่-รุ่นน้อง ประจำปีการศึกษา 2567
วันที่ 27 มิถุนายน 2567
เวลา 12.00-16.30 น.
12.00 น. ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษา เตรียมความพร้อมเข้าแถวหน้าอาคาร 2 เซ็นชื่อเข้าร่วมกิจกรรม เก็บอุปกรณ์หรือสัมภาระ ฝาก อ.ที่ปรึกษา รับป้ายชื่อ
12.20 น. พิธีเปิด
12.30 น. กิจกรรมสันทนาการรวม (120 นาที)
14.30 น. กิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์แยกสาขา (60 นาที)
15.30 น. กิจกรรมสันทนาการรวม (60 นาที)
16.30 น. พิธีปิด
รุ่นพี่ ชุดสีดำ
รุ่นน้อง ชุดสีฟ้า พละ รองเท้าผ้าใบ
เตรียมยาประจำตัว หรือ มีโรคประจำตัวให้แจ้ง อ.ที่ปรึกษา
เข้าแถวเรียงตามห้อง สนามหน้าอาคาร 2
ก่อนกิจกรรม ให้เซ็นชื่อ กระเป๋า ของมีค่า ฝาก อ.ที่ปรึกษา
หลังกิจกรรม ให้ประเมินความพึงพอใจ
วานิชพาทัวร์ สัปดาห์นี้ ขอเสนอ วัดคงคา
ซึ่งตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก วท. เราค่ะ
เป็นทั้งที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นทั้งที่ที่เหล่านักเรียน นักศึกษา รวมถึงครู อาจารย์ ก็แวะไปเยี่ยมเยียนวัดนี้บ่อย ๆ ค่ะ
วัดคงคา ถือเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดวัดหนึ่งในย่านชานเมืองนนทบุรีกับชานเมืองกรุงเทพ วัดนี้สร้างในสมัยกรุงสุโขทัย หรือประมาณ 700 ปีมาแล้ว สว อิเฎลจำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ 60 กว่ารูปและวัดดูยากจนมากแม้ว่าจะอยู่ติดถนน อิเฎลเคยวิ่งตามพระเข้าไปใส่บาตร ตอนนั้นน้ำท่วมเข้ามาใต้กุฏิ ปัจจุบัน (2010) วัดมีฐานะดีขึ้นและมีพระสงฆ์ประจำอยู่ 33 รูป ทั้งนี้เนื่องจากวัดคงคาได้สร้างจุดท่องเทียวเชิงธรรมะคือรูปหล่อ หลวงปู่ทวด สูง 5 เมตร สร้างเสร็จเดือนมีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ปัจจุบันเปิดให้ถวายทองแท่งเพื่อหล่อต่อ รูปหล่อหลวงปู่ทวดนี้อยู่บนชั้นสองของอาคาร ดังนั้นประชาชนจะสามารถมองเห็นท่านได้จากถนนใหญ่ ด้านล่างของอาคารยังมีนางตะเคียนชื่อ “เจ้าแม่ศรีเกศ” ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาอีกด้วย โดยไม้ตะเคียนนี้ขุดพบเมื่อสามสิบปีที่แล้ว และชาวบ้านได้นำมาถวายให้วัดในเดือนมกราคม 2553
วันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ นอกจากจะเป็นพระราชพิธีโบราณเก่าแก่ที่จะทำเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเป็น สิริมงคลแก่การเกษตรกรรมแล้ว วันดังกล่าวยังถือเป็น "วันเกษตรกร" อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรได้ระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปจะได้ระลึกถึงความสำคัญของข้าวและธัญญพืชที่มีคุณเอนกอนันต์ในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตสมบูรณ์ทั้งกายใจ และเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชกรณียกิจอันเป็นแบบอย่างทางด้านเกษตรกรรมแก่ราษฎรชักนำให้มีใจมั่นในการประกอบอาชีพและเป็นเหตุของความตั้งมั่นความเจริญ ไพบูลย์ของประเทศมาโดยตลอด
วันพืชมงคล หมายถึง วันที่กำหนดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีเก่ามาแต่โบราณที่เสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติ เพื่อเป็นการระลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรที่มีต่อเศรษฐกิจไทย โดยมีการจัดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งพระราชพิธีนี้จะกระทำที่ท้องสนามหลวง ประกอบด้วย 2 พระราชพิธีคือ พระราชพิธีพืชมงคล และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
พิธีพืชมงคล เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน เป็นต้น ฯลฯ มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ปราศจากโรคภัย และ ให้อุดมสมบูรณ์เจริญงอกงามดี พิธีแรกนาขวัญ เป็นพิธีเริ่มต้นการไถนาเพื่อหว่านเมล็ดข้าว มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เป็นอาณัติสัญญาณว่า บัดนี้ฤดูกาลแห่งการทำนาและเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พิธีแรกนา เป็นพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณตั้งแต่ครั้งสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งในสมัยนั้นพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงมือไถนาเอง เป็นแต่เพียงเสด็จไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีเท่านั้น ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ไม่ได้เสด็จไปเป็นองค์ประธาน แต่จะมอบอาญาสิทธิ์ให้โดยทรงทำเหมือนอย่างออกอำนาจจากกษัตริย์ และจะทรงจำศีลเงียบ 3 วัน ซึ่งวิธีนี้ได้ใช้ตลอดมาถึงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา
ต่อมา สมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 1 ได้โปรดให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้ประกอบพระราชพิธีแรกนาขวัญแทนพระองค์ และมิได้ถือว่าเป็นพิธีหน้าพระที่นั่ง เว้นแต่เมื่อมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตร สถานที่ประกอบพิธีในตอนแรก ๆ จึงไม่ตายตัว แล้วแต่จะทรงกำหนดให้ ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดมีพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้นในพระราชพิธีต่าง ๆ ทุกพิธี ดังนั้น "พระราชพิธีพืชมงคล" จึงได้เริ่มมีขึ้นแต่บัดนั้นมา โดยได้จัดรวมกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และมีชื่อเรียกรวมกันว่า "พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ"
ส่วนพิธีกรรมนอกเหนือจากการทำให้เป็นตัวอย่าง ตามที่ทรงจำแนกไว้ 3 อย่าง 2 อย่างแรก ที่ว่า "อาศัยคำอธิษฐานเอาความสัตย์เป็นที่ตั้งบ้าง ทำการซึ่งไม่มีโทษนับว่าเป็นการสวัสดิมงคลตามซึ่งมาในพระพุทธศาสนาบ้าง" นั้น ทรงหมายถึง "พิธีพืชมงคล" อันเป็นพิธีสงฆ์ที่กระทำ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่ว่า "บูชาเซ่นสรวงตามที่มาทางไสยศาสตร์บ้าง" นั้น ทรงหมายถึงพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเป็นพิธีพราหมณ์
ดังนั้น จึงพอจะสรุปความมุ่งหมายอันเป็นมูลเหตุให้เกิดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ นี้ได้ว่าพิธีแรกนามุ่งหมายที่จะให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎร เพื่อชักนำให้มีความมั่นใจในการทำนา อันเป็นอาชีพหลักที่สำคัญของคนไทยที่มีมาแต่ช้านานสืบมาจนปัจจุบันยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น เพราะการเกษตรซึ่งมีการทำนาเป็นหลักนั้น เป็นสิ่งสำคัญแก่ชีวิตความเป็นอยู่และการเศรษฐกิจของประเทศทุกสมัย
ส่วนวันประกอบพิธีนั้น ต้องเป็นวันที่ดีที่สุดของแต่ละปี ประกอบด้วย ขึ้น แรม ฤกษ์ยาม ให้ได้วันอันเป็นอุดมฤกษ์ตามตำราโหราศาสตร์ แต่ต้องอยู่ในระหว่างเดือน 6 เพราะเดือนนี้เริ่มจะเข้าฤดูฝน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จะได้เตรียมทำนา เมื่อโหรหลวงคำนวณได้วันอุดมมงคลพระฤกษ์ ที่จะประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแล้ว สำนักพระราชวังจะได้ลงไว้ในปฏิทินหลวง ที่พระราชทานในวันขึ้นปีใหม่ทุกปี และได้กำหนดไว้ว่าวันใดเป็นวันพืชมงคล วันใดเป็นวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแต่เดิมมาทำที่ทุ่งนาพญาไท เมื่อได้มีการฟื้นฟูพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นใหม่ จึงจัดให้มีขึ้นที่ท้องสนามหลวง ทั้งนี้ วันแรกนาขวัญเป็นวันสำคัญของชาติ คณะรัฐมนตรีมีมติให้หยุดราชการ 1 วัน และมีประกาศให้ชักธงชาติตามระเบียบทางราชการ
พระราชพิธีพืชมงคลเป็นพิธีทำขวัญพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอธิษฐานเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งข้าวที่นำเข้าพิธีพืชมงคลนั้นเป็นข้าวเปลือก มีทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว นอกจากนี้มีเมล็ดพืชต่าง ๆ รวม 40 อย่าง แต่ละอย่างบรรจุถุงผ้าขาว นอกจากนี้ยังมีข้าวเปลือกที่หว่านในพิธีแรกนา บรรจุกระเช้าทองคู่หนึ่งและเงินคู่หนึ่ง เป็นข้าวพันธุ์ดีที่โปรดฯ ให้ปลูกในสวนจิตรลดา และพระราชทานมาเข้าพิธีพืชมงคล
โดยพันธุ์ข้าวพระราชทานนี้จะใช้หว่านในพระราชพิธีแรกนาส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งที่เหลือทางการจะบรรจุซอง แล้วส่งไปแจกจ่ายแก่ชาวนาและประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ให้เป็นมิ่งขวัญและเป็นสิริมงคลแก่พืชผลที่จะเพาะปลูกในปีนี้
ทั้งนี้ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปัจจุบันนี้ได้ดำเนินตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี เว้นแต่บางอย่างได้มีการดัดแปลงให้เหมาะแก่กาลสมัย อาทิ พิธีของพราหมณ์ก็มีการตัดทอนให้เหลือน้อยลง พระยาแรกนาก็ให้ตกเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนเทพีนั้นคัดเลือกจากข้าราชการสตรีโสดในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระดับ 3 - 4 คือขั้นโทขึ้นไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพระราชพิธีทุกปี มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทูตานุทูต และประชาชนได้มาชมการแรกนาเป็นจำนวนมาก
สำหรับการประกอบพิธีนั้นก็จะถูกกำหนดขึ้นโดยโหรหลวง ในระหว่างพิธีอันสวยงามนี้ ก็จะมีการทำนาย ปริมาณน้ำฝน ในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง และแล้วพระยาแรกนาก็จะทำการเลือกผ้า 3 ผืน ที่มีความยาวต่างขนาดกัน ตามชอบใจ ผ้าทั้ง 3 ผืน นี้จะดูคล้ายกัน ถ้าพระยาแรกนาเลือกผืนที่ยาวที่สุดก็ทายว่า ปีนี้ปริมาณน้ำฝนจะมีน้อย ถ้าเลือกผืนที่สั้นที่สุดทายว่า ปีนี้ปริมาณน้ำฝนจะมาก และถ้าเลือกผืนที่มีความยาวปานกลาง ทายว่ามีปริมาณน้ำฝนพอประมาณ
หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียกว่า "ผ้านุ่ง" เรียบร้อยแล้ว พระยาแรกนาก็จะไถลงไปบนพื้นที่ท้องสนามหลวงด้วยพระนังคัลสีแดงและสีทอง ซึ่งลากโดยพระโคผู้สีขาว ตามขบวนด้วยเทพีทั้ง 4 ผู้ซึ่งหาบกระเช้าทองและกระเช้าเงินที่บรรจุด้วยเมล็ดข้าวเปลือก นอกจากนี้ก็มีคณะพราหมณ์เดินคู่ไปกับขบวนพร้อมทั้งสวดและเป่าสังข์ไปพร้อมกัน
เมื่อเสร็จจากการไถแล้วพระโคก็จะได้รับการป้อนพระกระยาหารและเครื่องดื่ม 7 ชนิด คือ เมล็ดข้าว ถั่ว ข้าวโพด หญ้าเมล็ดงา น้ำ และเหล้า ไม่ว่าพระโคจะเลือกกินหรือดื่มสิ่งใด ก็ทายว่าปีนี้จะอุดมสมบูรณ์ด้วยสิ่งที่พระโคเลือกนั้น
เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ประชาชนจะพากันแย่งเก็บเมล็ดข้าวที่หว่านโดยพระยาแรกนา เพราะว่าเมล็ดข้าวนี้ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง ชาวนาก็จะใช้เมล็ดข้าวนี้ผสมกับเมล็ดข้าวของตน เพื่อให้พืชผลในปีที่จะมาถึงนี้อุดมสมบูรณ์
สำหรับพระโคที่จะเข้าพระราชพิธีแรกนาขวัญ จะถูกเลี้ยงดูอย่างดีในทุ่งหญ้าที่จังหวัดราชบุรี พระโคที่ใช้ในพระราชพิธี จะต้องมีลักษณะที่ดีขาดเกินไม่ได้คือ หูดี ตาดี แข็งแรง เขาทั้งสองตั้งตรงสวยงาม พระโคแต่ละคู่ต้องสีเหมือนกัน ซึ่งจะมีการคัดเลือกพระโคเพียงสองสีเท่านั้น คือ สีขาวสำลีและสีน้ำตาลแดง และเจาะจงแต่เพศผู้เท่านั้นและต้องผ่านการ "ตอน" เสียก่อนด้วย
อนึ่ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาลงมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นวันเกษตรกรประจำปีอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรพึงระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร และร่วมมือกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาชีพของตน
1.ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ
2.จัดนิทรรศการ แสดงประวัติความเป็นมา และความสำคัญของวันพืชมงคลรวมทั้งพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ที่มาข้อมูลจาก : kapook.com
การใช้งาน Google Classroom บนเครื่องคอมพิวเตอร์ PC สำหรับ ผู้เรียน / นักเรียน / นักศึกษา ตั้งแต่เข้าใช้งานครั้งแรก จนกระทั่งทำงานส่งสำเร็จ คลิปเดียวจบ เข้าใจง่าย ทำเป็นได้ใน 10 นาที
โดย อาจารย์นพอนนต์ ชาครจิเกียรติ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล และทักษะวิชาชีพ
ติดตาม Aj.Nop Tech